บทที่ 3


ปรากฏการณ์ทางธรณีวิทยา

แผ่นดินไหว 
      แผ่นดินไหว เป็นปรากฎการณ์ธรรมชาติที่มีสาเหตุมาจากการปลดปล่อยพลังงานจากความเครียดที่เก็บอยู่ในหินใต้ผิวโลกอย่างทันทีทันใด กล่าวคือเป็นกระบวนการที่พื้นที่บนโลกเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและเด่นชัด เมื่อแรงเค้น (Stress) ที่เกิดขึ้นตามรอยแตก หรือรอยเลื่อนที่เกิดขึ้นบนเปลือกโลก ภายในโลกถูกปลดปล่อยขึ้นมาสู่พื้นผิวโลก 
        -  ตำแหน่งที่กำเนิดคลื่น ความไหวสะเทือนใต้ผิวโลก เรียกว่าศูนย์การเกิดแผ่นดินไหว (focus) โดยที่ตำแหน่งบนผิวโลกที่อยู่เหนือจุดโฟกัสเรียกว่าจุดเหนือศูนย์เกิดแผ่นดินไหว(epicenter) คลื่นความไหวสะเทือนที่ออกมาจากศูนย์เกิดแผ่นดินไหว
          -คลื่นที่แผ่จากจุดกำเนิดการสั่นสะเทือนมายังเปลือกโลกได้  เรียกคลื่นนี้ว่า คลื่นในตัวกลาง (Body  wave)


  คลื่นไหวสะเทือน 
        คลื่นไหวสะเทือนมี  2  แบบ                        
1. คลื่นในตัวกลาง                                            
    -คลื่นปฐมภูมิ ( P wave)
    -คลื่นทุติยภูมิ( S wave)

                            
2.คลื่นพื้นผิว 
      -คลื่นเลิฟ (L wave) เป็นคลื่นที่ทำให้อนภาคของตัวกลางสั่นในแนวราบ  โดยมีทิศทางตั้งฉากกับการเคลื่นที่ของคลื่น สามารถทำให้ถนนขาดหรือแม่น้ำเปลี่ยนทิศทางการไหล 
         
       คลื่นเรย์ลี่ (R wave)
                เป็นคลื่นที่ทำให้อนุภาคตัวกลางสั่น  ม้วนตัวขึ้นลงเป็นรูปวงรี ในแนวดิ่ง โดยมีทิศทางเดียวกับการเคลื่อนที่ของคลื่น สามารถทำให้เกิดพื้นผิวแตกร้าว และเกิดเนินเขา  


บริเวณที่มักเกิดแผ่นดินไหว
         ตำแหน่งของศุนย์เกิดแผ่นดินไหวมีความสัมพันธ์กับแนวรอยต่อของแผ่นธรณีภาค ซึ่งแนวรอยต่อสำคัญที่ทำให้เกิดแผ่นดินไหวมี  3 แนว
             1. แนวรอยต่อที่ล้อมรอบมหาสมุทรแปซิฟิก เป็นสาเหตุของแผ่นดินไหว 80% ซึ่งมักจะรุนแรง เรียกบริเวณนี้ว่า  วงแหวนแห่งไฟ (ring of fire) ได้แก่ ญี่ปุ่น  ฟิลิปปินส์  ตะวันตกของแม็กซิโก
              
               2.แนวรอยต่อภูเขาแอลป์และภูเขาหิมาลัย  เป็นแหล่งกำเนิดแผ่นดิวไหว  15% ได้แก่ พม่า  อัฟกานิสถาน  อิหร่าน  ตุรกี แถบทะเลเมดิเตอร์เรเนียนในยุโรป 
  
                  3.แนวรอยต่อที่เหลือเป็นสาเหตุของอีก 5% ของแผ่นดินไหว  ได้แก่  บริเวณสันกลางมหาสมุทรต่างๆ ได้แก่  บริเวณเทือกเขากลางมหาสมุทรแอตแลนติก  แนวสันเขาในมหาสมุทรอินเดีย 


 ** ไซโมกราฟ (Seismo-graph) เป็นเครื่องมือบันทึกข้อมูลคลื่นแผ่นดินไหว***

ความรุนแรงของการเกิดแผ่นดินไหว 
       - ขึ้นกับปริมาณพลังงานที่ปลดปล่อยออกมาจากศูนย์เกิดแผ่นดินไหว 
       - กำหนดดจากผลกระทบหรือบทความเสียหายที่เกิดบนผิวโลก ณ  จุดสังเกต 
       - หน่วยวัดความรุนแรงของแผ่นดิวไหวคือ  ริกเตอร์ (Richter)  ตามชื่อของ  ( Charies  F.Richter)
      -แผ่นดินไหวน้อยกว่า 2.0 ริกเตอร์ เป็นแผ่นดิวไหวขนาดเล็ก  
       -แผ่นดินไหวมากกว่า6.0 ริกเตอร์ เป็นแผ่นดิวไหวรุนแรง

มาตรเมอร์คัลลี  
     คือมาตราวัดความรุนแรงของแผ่นดินไหว  ซึ่งกำหนดจากผลกระทบ หรือความเสียหาย  แบ่งเป็น  12  ระดับ 


แผ่นดินไหวในประเทศไทย 
     - พ.ศ. 1003 ที่เวียงโยนกทำให้เวียงโยนกยุบจมลงกลายเป็นหนองน้ำใหม่ 
     -พ.ศ. 1077  ยอดเจดีย์หักลงสี่แห่ง
      -พ.ศ.2088  ที่นครเชียงใหม่   ยอดเจดีย์หลวงหักลงมา 
      - พ.ศ.2506  มีแผ่นดินไหวรู้สึกได้ที่กรุงเทพมหานคร
     -พ.ศ.2518   ศูนย์กลางอยู่ที่อำเภอท่าสองยาง  จังหวัดตาก  มีแผ่นดินไหวขนาด  5.9  ริกเตอร์  ที่อำเภอศรีสวัสดิ์  จังหวัดกาญจนบุรี 
     -พ.ศ.  2526  รู้สึกได้ในภาคกลางและเหนือ 

    -รอยเลื่อนมีพลัง (Active  fault)
              คือแนวรอยเลื่อนบนเปลือกโลกที่เคลื่อนที่ได้  ในประเทศไทยมีรอยเลื่อนที่อยู่บริเวณภาคเหนือ  และด้านตะวันตกของประเทศ                      
     -  คาบอุบัติซ้ำ   
              คือระยะเวลาครบรอบของแผ่นดินไหวที่เคยเกิดขึ้น  ณ  ที่นั้นมาก่อน อาจมีระยะเป็นพันปีหรือร้อยปี  หรือน้อยกว่านั้น
                 

                                       


การปฏิบัติขณะเกิดแผ่นดินไหว 
      1. คุมสติอย่าตื่นตระหนกเกินเหตุ  หยุดการใช้ไฟฟ้า และไฟจากเตาแก๊สและควรมีไฟฉายประจำตัวอยู่ภายในบ้าน 
       2.ถ้าอยู่ภายในบ้าน ควรอยู่ห่างจากประตู  หน้าต่าง  กระจก  และระเบียงบ้าน  ระวังอย่าให้ของใช้ในบ้านหล่นทับ โดยอาจมุดอยู่ใต้โต๊ะ 
       3.ถ้าอยู่ในตึกสูง  ให้มุดลงไปใต้โต๊ะที่แข็งแรงเพื่อป้องกันสิ่งของร่วงหล่นใส่  อย่าวิ่งออกไปภายนอก เพราะบันไดอาจพังลงได้  และห้ามใช้ลิฟท์โดยเด็ดขาด 
       4. ถ้าท่านกำลังขับรถให้หยุดรถและอยู่ภายในรถ  จนกระทั่งการสั่นสะเทือนจะหยุด
       5.หากอยู่ชายหาดให้อยู่ห่างจากชายฝั่ง  เพราะอาจเกิดคลื่นขนาดใหญ่ซัดเข้าหาฝั่ง 
       6.ติดตามสถานการณ์ แผ่นดินไหวจากสิ่งต่างๆ เพื่อนเตรียมพร้อมและวางแผนเตรียมรับภัยจากแผ่นดินไหวได้อย่างมีสติและปลอดภัย 




ภูเขาไฟ
   -ปัจจุบันทั่วโลกมีภูเขาไฟมีพลังอยู่ประมาณ  1000-1500 ลูก และกระจายอยู่ในบริเวณรอยต่อของแผ่นธรณีภาคโดยเฉพาะบริเวณวงแหวนแห่งไฟ
   -การระเบิดของภูเขาไฟเกิดจากการปะทุของแมกมา  แก๊ส เถ้าจากใต้พื้นโลก
   -ขณะระเบิดแมกมาจะขึ้นมาตามปล่องภูเขาไฟ
   -เมื่อหลุดออกมานอกภูเขาไฟจะเรียก แมกมานั้นว่า  ลาวา (Lava) มีอุณหภูมิ  1200 องศาเซลเซียล



การระเบิดของภูเขาไฟ 
    -เกิดจากหินหนืดที่อยู่ใต้เปลือกโลกถูกแรงดันอัดให้แทรกรอยแตกขึ้นสู่ผิวโลกโดยมีแรงปะทุหรือแรงระเบิดเกิดขึ้น  สิ่งที่พุ่งออกมาจากภูเขาไฟเมื่อภูเขาไฟระเบิดก็คือ  หินหนืด  ไอน้ำ  ฝุ่นละออง  เศษหินและแก๊สต่างๆ โดยจะพุ่งออกมาจากปล่องภูเขาไฟ  


หินอัคนี 
    - แบ่งเป็น 2  ลักษณะ 
   1.เย็นตัวใต้พื้นโลก  → เย็นตัวช้า →  เนื้อหยาบ  ⇒  หินอัคนีแทรกซอน 
    2.เย็นตัวบนผิวโลก → เย็นตัวเร็ว → เนื้อละเอียด ⇒  หินอัคนี (หินภูเขาไฟ)


 หินภูเขาไฟ (หินอัคนีพุ)
       -ความพรุนของหิน ขึ้นอยู่กับ อัตราการเย็นตัวของลาวา 
       -ตัวอย่างของหินจากภูเขาไฟ เช่น  หินบะซอลต์  หินพัมมิซ  หินแก้ว  หินทัฟฟ์  หินออบซีเดียน 
หินบะซอลต์ 
       -เป็นหินที่เกิดจากการเย็นตัวของลาวาที่ผิวโลก ทำให้มีการเย็นตัวเร็ว ลักษณะของหินจะมีเม็ดละเอียดกว่าหินแกรนิต และมีรูพรุนเล็กน้อย
       -เป็นต้นกำเนิดอัญมณีที่สำคัญ
       -ถ้ามีปริมาณของ   Si จะเป็นหินแอนดีไซด์ 

หินพัมมิช
       -เป็นหินที่เกิดจากการเย็นตัวอย่างรวดเร็วของลาวา  ทำให้มีความพรุนสูง  บางชิ้นลอยน้ำได้
       -นำมาใช้เป็นหินขัดตัว 



ภูมิลักษณ์ของภูเขาไฟ 
   1. ที่ราบสูงบะซอลต์  เกิดจากลาวาแผ่เป็นบริเวณกว้าง  ทับถมกันหลายชั้น กลายเป็นที่ราบและเนินเขา   



   2. ภูเขาไฟรูปโล่  เกิดจากลาวาของหินบะซิลต์ระเบิดออกมาแบบมีท่อปล่องภูเขาไฟเล็กๆ  บนยอดจะจมลงไป เช่น ภูเขาไฟมัวนาลัว ในหมู่เกาะฮาวาย
   3. ภูเขาไฟรูปกรวย  เป็นรูปแบบภูเขาไฟที่สวยงามที่สุด  เกิดจากการทับถมสลับกันระหว่างการไหลของลาวา  กับชิ้นส่วนภูเขาไฟ  เช่น ภูเขาไฟฟูจิยามา อยู่ในประเทศญี่ปุ่น  


ภูเขาไฟในประเทศไทย 
     -  ประเทศไทยอยู่นอกเขตการมุดตัวของแผ่นธรณีภาค  แต่เคยมีการระเบิดของภูเขาไฟมาก่อน  บริเวณที่พบหินภูเขาไฟ ได้แก่  จังหวัด ลพบุรี  กาญจนบุรี  ตราด  สระบุรี  ลำปาง  สุรินทร์  และศรีสะเกษ  ภูเขาไฟที่สำรวจพบส่วนใหญ่มีรูปร่างไม่ชัดเจน ที่มีรูปร่างชัดเจนมากที่สุด  ได้แก่ 
ภูเขาไฟดอยผาคอกหินฟู จังหวัดลำปาง 

                      












































       
       



























































ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม